สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (7 ส.ค.) รวม 2 ครั้ง ปรับขึ้น 50 บาทจากวันก่อน แม้ราคาสปอตขยับลง แต่ค่าเงินบาทอ่อน ทำให้ราคาในประเทศขยับขึ้น
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 31,800.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 31,900.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 31,229.60บาท/บาททองคำ และขายออก 32,400.00 บาท/บาททองคำ
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,937.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.83บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคำฟิวเจอร์แกว่งตัวรอความชัดเจนเฟด
ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รานงานว่าราคาทองคำสฟอตช่วงกลางวันปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่วันศุกร์ราคาทองฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ปัจจัยกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่สัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนยังเห็นว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง อย่างเช่น นางมิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟด ยังสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และคาดว่าเฟดจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในคืนนี้สหรัฐจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
วิเคราะห์ราคาทองราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways down ทั้งนี้ทิศทางราคาทองคำเป็นขาลง หลังจากราคาลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
ราคาทองในต่างประเทศขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงราว 1% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ราคาลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองลดลง จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น
ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น0.1% เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,945 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ทองคำฟิวเจอร์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ1,979 ดอลลาร์/ออนซ์
ในสัปดาห์นี้ ตลาดรอตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะประกาศออกมา เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด
ราคาทองวันนี้ "ไม่เปลี่ยนแปลง" ปัจจัยในประเทศการเมืองยังไม่ชัด
ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่า จับตาตั้งรัฐบาลยังวุ่นกดดัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาทองคำในปีนี้อาจขยับขึ้น หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก
ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเป็นทุนสำรองในปี 2565 มูลค่ามากสุดในรอบ 55 ปีนับตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งซื้อรวมกันมากถึง 1,136 ตัน หรือมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 152% จากที่ปี 2564 มีการเข้าซื้อทองคำ 450.1 ตัน ซึ่งการเข้าซื้อทองคำในปีนั้นของธนาคารกลางเป็นการเข้าซื้อสุทธิติดต่อกันปีที่ 13 และนับว่าเป็นปีที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 2 จากที่เคยมีการบันทึกในประวัติการณ์ โดยเฉพาะความต้องการซื้อในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่มีการซื้อทองคำรวมกันกว่า 862 ตัน
แต่การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางในปีที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ตุรเคีย ที่เข้าซื้อทองคำมากที่สุด โดยธนาคารกลางจีนมีการเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น 32 ตัน ในเดือนพ.ย. ถือว่าเป็นการเข้าซื้อครั้งใหญ่ที่สุด และเป็นการประกาศเพิ่มปริมาณทองคำเป็นทุนสำรองครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2562
ขณะที่ยังคงซื้อต่อเนื่องในเดือนธ.ค. ทำให้จีนเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองทั้งหมดกว่า 62.21 ตันในปี 2565 ขณะที่ธนาคารกลางตุรเคีย ยังคงเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางตุรเคียเข้าซื้อทองคำสุทธิทั้งปี 148 ตัน ซึ่งสูงกว่า 126 ตันในปี 2562 และมากที่สุดของธนาคารกลางอื่น ๆ ที่มีการรายงาน
ขณะที่ธนาคารทั่วโลกยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องในปีนี้ โดยปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 228.4 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 176% ที่ 82.7 ตันในไตรมาสแรกปี 2565 และยังคงเป็นจีน ตุรเคียที่ยังคงเป็นพระเอกปีนี้ ถึงแม้ว่าการซื้อทองคำของธนาคารกลางจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 ของปีนิ้ เมื่อเทียบกับการซื้อทองคำเฉลี่ยที่สูงในไตรมาส 2 ปี 2565
อย่างไรก็ตาม การซื้อทองคำของธนาคารกลางในครึ่งปีแรกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 387 ตัน ทั้งนี้แนวโน้มด้านการลงทุนและอุปสงค์ด้านเครื่องประดับฟื้นตัวขึ้น ซึ่งก็ทำให้ทองคำยังมีปัจจัยบวกและน่าสนใจ
แม้ว่าราคาทองคำจะสูง แต่การบริโภคทองคำปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบรายปี ที่ 476 ตัน การลงทุนทองคำแท่งและเหรียญเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบรายปี เป็น 227 ตันในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลมาจากตุรเคียเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ นอกจากนี้ปริมาณการใช้ทองคำของจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 16% แตะที่ 554.88 ตัน
ขณะเดียวกัน ผลผลิตทองคำเพิ่มขึ้น 2.24% แตะที่ 178.598 ตัน โดยปริมาณการใช้ทองรูปพรรณเพิ่มขึ้นเกือบ 15% แตะที่ 368.26 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่นับรวมทองคำสำรองที่ซื้อโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ขณะที่จีนเพิ่มทองคำสำรองติดต่อเป็นเวลานานถึง 8 เดือน มาที่ 2,330 ตัน ส่วนการผลิตทองคำของบริษัททองคำกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ทองคำยังคงน่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากอุปสงค์ของทองคำเริ่มฟื้นตัว ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตุรเคีย จีน หรือแม้ล่าสุดรัสเซียจะกลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง โดยวางแผนจะซื้อสกุลเงินต่างประเทศและทองคำรวมมูลค่า 433 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวันที่ 7 ส.ค.- 6 ก.ย. หลังรายได้ด้านพลังงานฟื้นตัวสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ในร่างงบประมาณ จึงคาดว่าในเดือนนี้อาจมียอดเข้าซื้อทองคำสำรองจากรัสเซีย
แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นฟื้นตัว แต่ยังต้องระวังแรงเทขายเนื่องจากทิศทางราคาทองคำเป็นขาลง หลังจากราคาลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,923 ดอลลาร์ และ 1,910 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,954 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,968 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 31,600 บาท และ 31,500 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 31,950 บาท และ 32,000 บาท